เชื่อไหมครับว่า ... ทุกๆ ความสัมพันธ์ล้วนมีกฎบางข้อซ่อนอยู่ในความผูกพันของกันและกันเสมอ
หากพูดถึงเรื่องของสัมพันธภาพ ... นิยามโดยทั่วไปอาจหมายถึง การให้ความรู้สึกไว้เนื้อเชื่อใจต่อกัน การให้กำลังใจและพร้อมที่จะอยู่เป็นเพื่อนร่วมปรับทุกข์สุขในยามที่เราต้องการเสมอ
... หากเราแปลนิยามของคำว่าสัมพันธภาพ ดีๆ เราจะพบว่า เนื้อหานั้นแฝงกฎบางอย่างบนความสัมพันธ์ไว้
เช่น ห้ามทรยศหักหลัง อย่าหวังตวงแต่ผลประโยชน์ส่วนตน รู้จักให้และรู้จักรับในระดับที่พอดี
...
ผมเชื่อว่าทุกสัมพันธภาพ ไม่ว่าจะเป็น มิตรภาพความเป็นเพื่อน หรือการมีชีวิตคู่ ... แต่ละคน แต่ละกลุ่ม หรือแต่ละคู่ ต่างก็มีระยะเวลาในการเรียนรู้ไม่เท่ากัน น่าเสียดายครับที่บางคนมีโอกาสเรียนรู้กันและกันเพียงแค่ช่วงเวลาสั้นๆ
แต่บางคนก็ได้เรียนรู้กันและกันตลอดช่วงชีวิต ... ตัวแปรหนึ่งที่สำคัญคือ กฎของสัมพันธภาพ
ที่แต่ละคนวางไว้เป็นเดิมพัน ... กฎของผม กฎของคุณ กฎของเรา ...
ลองมาดูกันดีกว่าครับว่า กฎข้อนึง ของความสัมพันธ์ ที่หนังสือเล่มนี้กำลังสื่อนั้น
คืออะไร ...
แต่สารบัญภายในหนังสือเล่มนี้ได้แสดงรายชื่อบทต่างๆ ให้ผู้อ่านรู้ว่า “กฎของความสัมพันธ์”
นั้น ไม่ได้มีเพียงแค่ข้อเดียว ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้ได้ตีแผ่กฎของความสัมพันธ์บนหนังสือเล่มนี้ไว้ดังนี้
ครับ
* Leave
Group
* เราถูกสร้างมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน
* ในความรักไม่มีใครที่สมบูรณ์แบบ
* เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองให้เป็น
* ไม่ว่าใครก็ตามไม่มีสิทธิ์ห้ามเรามีความสุข
* มันก็แค่อีกหนึ่งวันแย่ๆ
เท่านั้นเอง
ลองมาดูรีวิวของทั้งนักเขียนและสำนักพิมพ์ฯ ที่ได้กล่าวถึงหนังสือเล่มนี้กันบ้างดีกว่า
...
ผมรู้สึกเสมอว่าความเจ็บปวดของเราส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่เราไม่อยากให้มีอะไรเปลี่ยนไป
ลึกๆ แล้วเราอยากให้ทุกอย่างเหมือนเดิมอย่างที่มันเคยเป็น
เพราะแม้ว่าสิ่งที่เป็นอยู่นั้นอาจไม่ได้ดีนัก
แต่เมื่อมันเป็นสิ่งที่เป็นอยู่นั้นอาจไม่ได้ดีนัก แต่เมื่อมันเป็นสิ่งที่เราเผชิญอยู่ทุกๆ
วันเรารู้ดีว่าเราจะรับมือกับมันได้อย่างไร
เพราะอย่างนั้นเราจึงอยากให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม อยากให้คนที่เรารักเขายังรักเราเหมือนเดิม
อยากหยุดเวลาช่วงวัยเยาว์เอาไว้ไม่อยากเติบโต
ไม่อยากไปพบเจออะไรก็ตามที่เราไม่รู้จัก เรายินดีกับการอยู่ใน comfort
zone มากกว่าต้องออกไปผจญภัยกับวันข้างหน้าที่ไม่มีอะไรแน่นอน
เรายินดีกับการอยู่ตรงที่เก่า มากกว่าการเดินหน้าไปยังที่ใหม่ๆ
ซึ่งเราไม่คุ้นเคย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เราเรียกว่า comfort
zone มันอาจไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เราคิดก็ได้
และเราเองก็รู้ดีแต่เพราะว่าเราหวาดกลัวกับวันข้างหน้าที่เราไม่รู้มากเกินไป
เราเลยยังรู้สึกกว่าการเปลี่ยนแปลงหรืออะไรที่เปลี่ยนไป
เป็นเรื่องยากเย็นเกินรับมือได้มากกว่า ทั้งที่ในความจริงไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนไป
ทุกอย่าง ทุกคน สรรพสิ่ง เปลี่ยนแปลงไปในทุกวัน
การที่เรากลัวความเปลี่ยนแปลงหรือกลัวว่าอะไรๆ จะเปลี่ยนไปเท่ากับเรากลัวสิ่งที่อยู่กับเรามาตั้งแต่ต้นและเราไม่มีวันหนีพ้น
แม้แต่ตัวเราเองร่างกายของเราเปลี่ยนไปในทุกวัน จากเด็กทารกในวันแรกเกิด
กลายเป็นวัยชราในวันที่บั้นปลายมาถึง
จิตใจของเราเอง ความคิด ความเชื่อ ความฝัน
ทัศนคติของเราก็เปลี่ยนแปลงไปเสมอและเราเองก็รู้ดี เมื่อเราเห็นแล้วว่าไม่มีอะไรไม่เปลี่ยนไป
ไม่, แม้กระทั่งตัวเราเอง
วิธีการที่จะอยู่กับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดย่อมไม่ใช่การหลบหนี
แต่คือการยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนไปในวันหนึ่ง
และมันเป็นเช่นนั้นเอง
ความสัมพันธ์เป็นเรื่องซับซ้อนเพราะเกิดจากคนสองคนมาสานสัมพันธ์กัน
ปกติแค่เราสัมพันธ์กับตัวเองคนเดียวยังเหนื่อยเลย แล้วนี่คือคนแปลกหน้า
ไม่รู้จักกันมาก่อนแต่เราเปิดโอกาสที่จะทำความรู้จัก และเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
ตอนแรกทั้งสองฝ่ายอาจจะถ้อยทีถ้อยอาศัยเอาด้านดีๆ มามอบให้กัน
แต่เมื่อเริ่มสนิทสนมคุ้นเคยก็กลายเป็นว่าปล่อยปละละเลยไม่สนใจดูแล
และไม่สร้างสายสัมพันธ์ใหม่ๆ แต่บั่นทอนสายสัมพันธ์ที่มีลง
แน่นอนที่เราควบคุมบังคับคนอื่นไม่ได้หรอกเราทำได้เพียงดูแลและควบคุมตัวเอง
กฎข้อนึงของความสัมพันธ์คือ ให้รักษาพื้นที่ส่วนตัวและความเป็นตัวเองไว้ 70% และแชร์พื้่นที่ส่วนกลางกับอีกคน 30% โดย 30%
นี่เป็นของเรา เมื่อรวมกับของเขาอีก 30% ก็จะมีพื้นที่ส่วนกลางระหว่างกันถึง
60% ไม่น้อยเลยใช่ไหมล่ะ
รัก นับถือ เคารพ และรักษาสิทธิของตัวเองให้มากๆ แล้วก็รัก
นับถือ เคารพ และรักษาสิทธิของคนอื่น ให้มากๆ
เท่าที่เรารักตัวเองแล้วเรื่องดีๆ จะเกิดขึ้น
“ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงเสมอ ไม่ว่าเราอยากให้มันเหมือนเดิมสักเท่าไหร่”