วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

คู่มือการปฏิบัติสำหรับสถานศึกษา ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19

หนุ่มหนอนหนังสือ ... สวัสดีครับ


สถานศึกษาเป็นอีกหนึ่งแห่งที่มีผู้คนอยู่ร่วมกันเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กและเยาวชนที่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองให้ปลอดภัยจากโรคระบาดโควิด19  จึงได้มีความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนต่างๆ จัดทำ "คู่มือการปฏิบัติสำหรับสถานศึกษา ในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด19" ขึ้นมาเพื่อให้บุคลากรผู้เกี่ยวข้อง นักเรียนตลอดจนผู้ปกครองได้มีวิธีในการปฏิบัติตนระหว่างที่อยู่ในสถานศึกษาได้อย่างปลอดภัยที่สุด

ผู้สนใจสามารถดาวน์โหลดคู่มือนี้ได้ตามรูปด้านล่างนี้เลยนะครับ 




-----------------------------------------------------------------------------------------------------------


หากต้องการค้นหารายการหนังสือเล่มอื่นๆ เพิ่มเติม ...  แวะชม 🕮 ที่นี่นะครับ 



วันพุธที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2563

พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว ... It's your power !

หนุ่มหนอนหนังสือ ... สวัสดีครับ


ทุกๆ ก้าวของการเดินบนเส้นทางชีวิต
คือโอกาสในการสร้างประสบการณ์อันล้ำค่าให้กับชีวิตของเราเสมอ
หากเราพร้อมที่จะเรียนรู้และกล้าที่จะเผชิญสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองอย่างมีสติ
ความสุขก็พร้อมรอเราอยู่




หลายคนคงเคยผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ต้องมีส่วนสัมพันธ์กับคนรอบข้างอยู่ตลอดเวลา
เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้ไหมครับ นัดเพื่อนเวลาบ่ายโมง แต่เพื่อนมาบ่ายสามโมง หรือเพื่อนอยากให้ไปช่วยเลือกดูของตามห้างด้วย พอเราแสดงความคิดเห็นในการเลือกซื้อ กลับไม่ถูกใจ และอีกหลายๆ ประเด็นของการที่เราต้องเข้าไปมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคม จนทำให้เรารู้สึกว่า เรากำลังสูญเสียเวลาและความเป็นตัวของตัวเองไป ...


แต่การแยกตัวเองออกจากใครสักคนคงไม่ง่ายนัก ...
ยิ่งสังคมปัจจุบัน มองคนที่ทำอะไรเองคนเดียวในรูปแบบที่ไม่ปกติ เช่น ถูกมองว่าเป็นคนไม่มีเพื่อน หยิ่ง ไม่เอาสังคม เข้าสังคมไม่เป็น ยากจน นิสัยไม่ดี ... ก็ยิ่งทำให้หลายๆ คนที่อยากมีอิสระในการดำเนินชีวิตกลับต้องพยายามสร้างหน้ากากเพื่อให้ตนเองเข้ากับสังคมให้ได้ จนเมื่อถึงเวลาที่ใจเราไม่สามารถฝืนความเป็นตัวเอง ก็กลายเป็นปัญหาจนเกิดการแตกหักในสัมพันธภาพระหว่างกันไปอีก

ดังนั้น การแสดงให้สังคมรับรู้ว่า ...
เราสามารถที่จะทำอะไรได้ด้วยตนเอง จึงเป็นการแสดงออกอย่างชัดเจนและเหมาะสมเพื่อให้สังคมได้รู้ว่าทุกคนก็ต้องการช่วงเวลาที่เป็นอิสระทางความคิดและการดำเนินชีวิตในด้านต่างๆ เช่นกัน ไม่ใช่ว่าเราต้องอยู่กับคนอื่นๆ หรือทำอะไรร่วมกันอยู่ตลอดเวลา และการเป็นตัวของตัวเองแบบนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผิดแปลกไปจากสังคมด้วย เพราะในตัวบุคคลทุกคนนั้นต่างก็มีอารมณ์และความรู้สึกของการอยากทำอะไรๆ ด้วยตนเองกันทั้งนั้น

พลังของคนที่กล้าทำอะไรคนเดียว เป็นหนังสือที่เขียนโดย โกะโด โทคิโอะ (Tokio Godo) และแปลโดย อาคิรา รัตนาภิรัต ซึ่งเนื้อหาของหนังสือประกอบไปด้วย บทนำที่เริ่มต้นเรื่องของ พลังของการกล้าทำอะไรคนเดียว จากนั้นจึงเข้าสู่บทที่ 1 - 6 ซึ่งเป็นเรื่องของ การสะท้อนตัวตน ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ค่านิยม พฤติกรรม อ่านหนังสือ และครอบครัว ... อยากแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้ลองหาอ่านกันดูนะครับ เพราะผมเชื่อว่า หนังสือเล่มนี้ เป็นตัวแทนความรู้สึกของคนที่เคยผ่านการใช้ชีวิตส่วนใหญ่กับผู้คนในสังคม และพบว่าการทำอะไรด้วยตัวคนเดียวนั้นก็ได้ให้อิสระและเพิ่มเวลาที่มีคุณค่าให้กับชีวิตและยังทำให้เรารู้จักและเข้าใจจิตใจและความต้องการของตัวเองมากขึ้นด้วย มันจึงเป็นวิถีแห่งการสร้างพลังบวกให้เกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ 


มาสร้างพลังที่มีเพียงคุณเท่านั้นที่ทำได้กันครับ

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนังสือเล่มนี้มีวางจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปนะครับ 
หรือ หากสนใจสามารถอ่านรีวิวเพิ่มกันได้ที่ลิ้งค์ ร้านนายอินทร์ นี้เลยนะครับ 


ป.ล. ทุกคนต่างก็อยากมีความสุขและมีความเป็นอิสระ
เราต้องรู้จักและเข้าใจความต้องการของตัวเองก่อน แล้วเราจะรู้ว่าความสุขคืออะไร 


หากต้องการค้นหารายการหนังสือเล่มอื่นๆ เพิ่มเติม ...  แวะชม 🕮 ที่นี่นะครับ 



วันเสาร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2563

หนุ่มหนอนหนังสือ ... เราเถียงกันทำไม ไม่เห็นด้วยอ่างไรให้คนเห็นด้วย (Why Are We Yelling?)


หนุ่มหนอนหนังสือ ... สวัสดีครับ


ไม่กี่ชั่วโมงมานี้ เราอาจเพิ่งทะเลาะกับคนในบ้าน
อาจเป็นเมื่อวานนี้ ที่เรามีปากเสียงกับเพื่อน
สัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกน้องขึ้นเสียงกับเรา

... เราเถียงกันทำไม ไม่เห็นด้วยอย่างไรให้คนเห็นด้วย ...




เพราะ มนุษย์เรานั้นมีความแตกต่างกัน 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพฤติกรรม ความคิด หรือทัศนคติ ...
ดังนั้น ... สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ก็อาจทำให้เราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะกันทางอารมณ์ได้เลย และหากเราปล่อยให้อารมณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้นรุนแรงมากขึ้น การควบคุมอารมณ์ก็จะยากขึ้นจนอาจทำให้ปัญหาบานปลายและถึงจุดแตกหักของความสัมพันธ์ในที่สุด


เราคงเจ็บถ้าโดนใครสักคนมาต่อว่าแล้วเราเถียงสู้ไม่ได้ 
หรือ เราอาจเถียงจนชนะ แต่มิอาจรู้เลยว่า ...
เราทิ้งรอยแผลทางอารมณ์ไว้กับคนที่เราโต้เถียงด้วยความเจ็บระดับไหน 
แล้วถ้าเราเลี่ยงสถานการณ์ที่มีการโต้เถียงไม่ได้ จะมีทางใดบ้างที่สามารถทำให้การโต้เถียงกลายเป็นศิลปะอย่างหนึ่งของการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน


อย่างไรก็ตามเราคงต้องเริ่มจากตัวเราเองก่อน ... 
สติยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด !
พยายามนึกถึงความลุกลามของปัญหาความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้น 
มันจะทำให้เราจะประเมินผลกระทบที่อาจส่งผลต่อชีวิตของเรารวมถึงคนรอบตัวที่มีความสำคัญกับชีวิตเราได้ และหาทางออกจากความขัดแย้งได้ในแบบที่ Win - Win กันทุกฝ่าย


หนังสือเล่มนี้ “เราเถียงกันทำไม ไม่เห็นด้วยอย่างไรให้คนเห็นด้วย” ...
กำลังให้แนวทางผู้อ่านได้ทำความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้ง 
และแนะนำวิธีการเปลี่ยนทัศนคติด้านลบให้กลายเป็นทัศนคติเชิงบวกแบบสร้างสรรค์โดยที่ทุกฝ่ายไม่เสียความรู้สึกดีๆ ต่อกัน จาก
สถานการณ์ที่มีความตึงเครียดก็มีความผ่อนคลายมากขึ้นและเกิดการยอมรับในกันและกัน


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนังสือเล่มนี้มีวางจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปนะครับ 
หรือ หากสนใจสามารถอ่านรีวิวเพิ่มกันได้ที่ลิ้งค์ ร้านนายอินทร์ นี้เลยนะครับ 


ป.ล. ... ไม่ผิด ถ้าเราจะแสดงออกว่า เราไม่เห็นด้วย
แต่อาจไม่ถูกต้องนักที่เราจะบอกว่า ความคิดเห็นของเรานั้นถูกต้องเสมอ


เปิดใจรับรู้ รับฟัง ...
บางที เราอาจได้มุมมองใหม่ ความรู้ใหม่ และความผูกพันดีๆ ที่เพิ่มขึ้นจากผู้อื่นด้วยก็ได้นะครับ


หากต้องการค้นหารายการหนังสือเล่มอื่นๆ เพิ่มเติม ...  แวะชม 🕮 ที่นี่นะครับ 



วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2563

หนุ่มหนอนหนังสือ ... ศูนย์รับฝากความเสียใจ (Sorrow Center)

หนุ่มหนอนหนังสือ ... สวัสดีครับ


ถ้ามีศูนย์รับฝากความเสียใจ
เราจะเอาความเสียใจที่เกิดขึ้นในชีวิตเข้าไปฝากไว้สักกี่ครั้ง 







ถ้าชีวิตเราผ่านความเจ็บและเก็บความเสียใจมานับไม่ถ้วน ...
พอมาถึงวันหนึ่ง ...
เราก็คงอยากเอาความเสียใจออกไปจากความทรงจำของเราบ้าง
แต่การเอาออกจากใจ เอาออกจากความคิดมันคงไม่ง่ายนัก
และจะมีสักกี่คน ที่พร้อมจะแบ่งเบาเรื่องราวความเจ็บช้ำของเรา

หากมี “ศูนย์บริการรับฝากความเสียใจ” ...
หลายคนคงไม่ลังเลที่จะไปใช้บริการอย่างแน่นอน
เพราะเราคงอยากมี ...
พื้นที่เก็บความสุข ความสมหวัง ไว้ในความทรงจำให้มากกว่าที่เคยเป็น
คงไม่มีใครอยากจะเก็บความทุกข์ทรมานไว้ไปตลอดชีวิต


“ศูนย์บริการรับฝากความเสียใจ”
เป็นนวนิยายตัวท้อปบนแผงหนังสือของไต้หวันเลยนะครับ

เรื่องราวที่อยู่บนความสนใจของผู้คน เมื่อรู้ว่ามี “ศูนย์บริการรับฝากความเสียใจ”
ทุกคนต่างก็อยากเอา
#ความเสียใจ ของตนไปขอเข้ารับบริการ !
แต่ใช่ว่า ทุกคนจะมาใช้บริการกันง่ายๆ นะครับ ...
เพราะสถานที่แห่งนี้มีกฎระเบียบและเงื่อนไขในการให้บริการที่เราอาจนึกไม่ถึง 
โดยจะเปิดให้บริการเฉพาะวันพุธ ช่วงระหว่างเวลา 17.00 น. ถึง 19.00 น. เท่านั้น 
และที่สำคัญคือ ...
เราไปสถานที่แห่งนี้เองไม่ได้ แต่เราจะพบได้เองเมื่อสถานที่นี้ยอมปรากฎให้เราเห็น

บางคนอาจคาดหวังแค่จะนำความเสียใจไปฝากไว้แล้วจะไม่กลับมารับอีก ... แต่ ... 
บางคนอยากนำเรื่องราวที่ตนเองเสียใจฝากให้ศูนย์บริการแห่งนี้ส่งไปถึงคนในอดีต
เพราะเราอาจเคยทำให้บุคคลผู้นั้นเสียใจจากการกระทำบางอย่างของเรา ... หรือ ...
อาจเป็นเพราะ บุคคลผู้นั้นเคยทำให้เราเจ็บช้ำและเสียใจมาจนถึงทุกวันนี้ ...

ดังนั้น การฝากความเสียใจส่งไปยังบุคคลเหล่านั้น เราอาจรู้สึกสบายใจขึ้นมาได้บ้าง
แต่ก็มีข้อตกที่สำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ ...
เราไม่สามารถกลับไปแก้สถานการณ์ในอดีตที่ทำให้เราเสียใจในครั้งนั้นได้
แต่อย่างน้อยที่สุด ก็ขอให้เราคิดว่า เราได้แสดงให้อีกฝ่ายได้รับรู้แล้วว่า “ฉันเสียใจ”



เรื่องราวของความเสียใจมีอยู่เต็มเล่มของหนังสือนี้
มาเข้าถึงอดีต และเรียนรู้ไปกับวิธีคิดที่จะปลดล็อคความซับซ้อนของความทุกข์
ที่สะสมกันมาอย่างยาวนานของแต่ละคน ... 

แน่นอนว่า “ศูนย์บริการรับฝากความเสียใจ” ...
อาจเป็นรูปแบบงานบริการที่ถูกใจของใครหลายๆ คน 
แต่ใช่ว่าผลจากการรับฝากความเสียใจจะเป็นไปตามที่ทุกคนนั้นคาดหวัง ...


ทุกวันพุธ ยามโพล้เพล้ ... มาฝากความเสียใจกัน

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------

หนังสือเล่มนี้มีวางจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไปนะครับ 
หรือ หากสนใจสามารถอ่านรีวิวเพิ่มกันได้ที่ลิ้งค์ ร้านนายอินทร์ นี้เลยนะครับ 


ป.ล. ทุกคนต่างก็อยากเริ่มต้นด้วยความสุข และดำเนินชีวิตได้อย่างมีความสุข

คุณค่าของความเสียใจก็มีเหมือนกันนะ มันก็เหมือนกับภูมิที่ชีวิตเราสร้างขึ้นมา 
ภูมิที่ปกป้องให้เราเป็นคนที่เข้มแข็งกว่าเดิมและไม่ทำให้ชีวิตเจ็บซ้ำๆ เหมือนอดีต 


หากต้องการค้นหารายการหนังสือเล่มอื่นๆ เพิ่มเติม ...  แวะชม 🕮 ที่นี่นะครับ 



วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

หนุ่มหนอนหนังสือ ... หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ The Storied Life of A.J. Fikry

หนุ่มหนอนหนังสือ ... สวัสดีครับ


ถ้าเราเชื่อว่า ... หนังสือสามารถสร้างแรงบันดาลใจได้
มาพิสูจน์กันอีกครั้ง กับ เรื่องราวชีวิตของชายผู้รักหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ




หากต้องตอบคำถาม ... ระหว่าง 
“การเล่าเรื่องผ่านชีวิตคนๆ หนึ่ง” กับ 
“การเล่าถึงหนังสือที่มีอิทธิพลกับคนๆ หนึ่ง”
แบบไหนน่าสนใจกว่ากัน ? ... ผมเองคงตอบคำถามนี้ยากเช่นกัน

แต่เมื่อได้เห็นการเปิดประเด็นของหนังสือเล่มนี้ “หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ”
ก็รู้สึกได้ว่า คงต้องมีตอนสำคัญๆ ของบุคคล ที่ถูกผูกไว้กับเรื่องราวของหนังสืออย่างแน่นอน
และแล้ว ... ความอยากรู้เรื่องราว ทั้งตอนต้นเรื่อง ตอนเดินเรื่อง และตอนจบของเรื่อง ก็ผุดขึ้นมาในใจทันที


ทุกคนต่างมีช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตของชีวิต แต่ชีวิตคงดำเนินต่อไปได้ยาก ถ้าเราต้องเผชิญกับความสูญเสีย ความสูญหาย และความเสียสูญ ที่ต่างถาโถมเข้ามารุมเร้าในช่วงเวลาเดียวกัน ... แล้วถ้าเราต้องตัดใจทิ้งสิ่งที่เรารักที่สุดซึ่งเป็นชิ้นสุดท้ายที่เราเหลืออยู่เพื่อแลกกับความอยู่รอด จะมีสิ่งใดบ้างที่สามารถหยุดยั้งการตัดสินใจแล้วพาเรากลับไปมีกำลังใจในการต่อสู้ชีวิตโดยที่ไม่ต้องทิ้งสิ่งที่รัก

“หลากเรื่องในชีวิตของชายที่รักหนังสือ” ถ่ายทอดเรื่องราวของของชายผู้หนึ่งที่ชื่อว่า A.J. Fikry ซึ่งเป็นคนที่รักหนังสือเป็นชีวิตจิตใจจนได้เป็นเจ้าของร้านหนังสือที่ชื่อว่า Island Books แต่ช่วงชีวิตในเวลาต่อมาเขากลับต้องสูญเสียภรรยาอันเป็นที่รัก รวมถึงธุรกิจร้านหนังสือก็มีปัญหาจนเขาต้องตัดสินใจปิดกิจการ โดยตั้งใจว่าจะขายสิ่งมีค่าที่เหลืออยู่ชิ้นสุดท้าย นั่นก็คือหนังสือกวีที่เขาเคยได้สะสมไว้ แต่หนังสือกลับถูกขโมยไปอีก เหตุการณ์ต่างๆ ทำให้เขารู้สึกว่าชีวิตเขากำลังไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว ...

สิ่งที่ทำให้เขาเปลี่ยนความคิดอีกครั้ง เมื่อเขาพบเด็กหญิงอายุประมาณสองขวบที่หน้าร้านหนังสือของเขา พร้อมกับมีจดหมายที่กล่าวไว้ว่า อยากให้เด็กหญิงผู้นี้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ที่รักหนังสือ มันเหมือนไฟที่กำลังมอดกลับจุดติดและกำลังลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เขาจึงก็กลับมาเปิดร้านหนังสือที่เขารักอีกครั้งพร้อมกับความตั้งใจที่จะเลี้ยงดูเด็กหญิงผู้นี้ให้โตขึ้นมาเป็นคนที่รักการอ่านหนังสือเหมือนดั่งที่เขาเป็น

อีกหนึ่งวรรณกรรมที่เล่าเรื่องราวสะท้อนชีวิตบางมุมในสังคมได้อย่างน่าติดตาม
อาจนิยามได้ว่า ทุกๆ แรงบันดาลใจ นั้นย่อมมีที่มา
แม้เราสูญเสียแรงบันดาลใจที่เราเคยมี แต่นั่นไม่ใช่ว่า ความฝันของเราต้องดับลงไปด้วย
ระหว่างทางเดินของชีวิต ไฟแห่งความหวังนั้นสามารถจุดติดได้เสมอ
เพียงแต่เราหาเหตุผลของการมีชีวิตอยู่ เราก็จะเจอกับความหวังครั้งใหม่ที่เราสามารถสร้างความสุขให้เหมือนหรือดีกว่าที่เราเคยมีก็ได้ ...




หนังสือเล่มนี้มีวางจำหน่ายที่ ร้านนายอินทร์นะครับ และ มีแบบที่เป็น E-book ด้วย
หากสนใจสามารถหาอ่านกันได้ที่ลิ้งค์ ร้านนายอินทร์ เลยนะครับ ...
ป.ล. การได้อ่านเรื่องราวของชีวิต ก็เหมือนเราได้เรียนรู้การใช้ชีวิตในแง่มุมดีๆ และมีประโยชน์กับตัวเราด้วยนะ 


หากต้องการค้นหารายการหนังสือเล่มอื่นๆ เพิ่มเติม ...  แวะชม 🕮 ที่นี่นะครับ